แนะนำตัวละคร / ทักทายผู้อ่าน / เขียนตามใจชอบ พิมพ์ตรงนี้ได้เลย...
หวัดดีฮ่ะ เราซื่อแซนจะเรียกว่าสาวหล่อหรือสาวห้าวก็ว่าได้นะ เรามีพี่สาวชื่อ พี่คิม เพื่อนสนิทเต้ยชายแท้ที่อ่อนโยน แอ๋มสาวคมขำตัวใหญ่ดุดัน
แคทสาวน้อยที่มีแววตาเศร้า สาวน้อยในดวงใจเพอร์ฟูมสาวตาโตจมูกโด่งผมสวยผิวขาวตัวเล็กน่ารัก
เรื่องมันเกิดมานาน ถือว่านานแสนนานมากเลยก็ว่าได้ แต่ทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำของผมแทบจะทุกอย่าง หรือเป็นคนยึดดิว่ะเนี้ยเรา 555++
ท้าวความไปสมัยวัยเด็ก ณ ห้องอนุบาล 1 เด็กห้องสีเขียว เปิดเทอมวันแรกที่แสนวุ่นวาย อะไรนักหนากะเสียงร้องไห้ระงม ผมยืนในมุมห้องมุมนึง คอยมองเพื่อนๆร่วมห้องว่าเราจะเจอเพื่อนแบบไหนกันนะ ผมอาจจะเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดในห้อง ผมยาวถักเปียสองข้าง น่ารักสุดๆไปเลยใช่ไหมละ 555++
ทันใดนั้นเอง ผมเจอเด็กผู้ชายคนนึง โหขาวจังวมชะ น่ารักด้วยเหมือนผู้หญิงว่ะ ยืนมองแบบไม่ละสายตา เราต้องเป็นเพื่อนกับเด็กคนนี้ให้ได้เลย เราทำการจู่โจมในทันที นินายเป็นเพื่อนกะเราไหม เราแซนนะ ....เงียบไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด มือขาวๆคู่นั้นยืนกำหูที่นอนแน่น น้ำตาเริ่มมาคลอๆ และทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบชั่วขณะ เนื่องจากว่าครูประจำชั้น และพี่เลี้ยงเข้ามา ครูและครูพี่เลี้ยงเริ่มจัดระเบียบให้เด็กๆเข้าแถวแยกหญิงชาย สายตาเรายังไม่ระจากเด็กชายตัวน้อยคนนั้น เราก็ทำกิจกรรมตามประสาเด็กอนุบาลไป จนถึงเวลานอนของเด็กอนุบาล เรานอนห่างกัน 3ช่วงที่นอน เราก็ยังแอบบมองเขาจนหลับไป
และถึงเวลาตื่นล้างหน้าแปรงฟันรับประทานขนมนมเนยเพื่อรอผู้ปกครองมารับ เราก็ทำการนั่งล้อมวงเป็นวงกลมอีกครั้ง ครูและพี่เลี้ยงได้มีการเล่นเกมแนะนำชื่อเล่นกันและแจกรูปประจำตัวของเด็กแต่ละคน พี่เลี้ยงเราน่ารักและสวยมาก ครูประจำชั้นก็ใจดีเหมือนโดเรม่อนเลย อิอิ เวลารอยคอยก็มาถึง เหมือยมีสายตาอาฆาต มองมาทางเราอย่างไม่วางตา ยัยเด็กคนนี้ตัวโตผิวสีแทนหน้าโหด ก็มองเราอย่างไม่วางตาเช่นกัน แต่ช่างเหอะสนใจคนนี้คนเดียวดีกว่าเด็กอะไรไม่รู้ยิ่งมองยิ่งน่ารัก ทุกคนก็แนะนำตัวมาเรื่อยๆจนถึงคนที่เรารอคอย เสียงเล็กๆที่ลอดออกมาจากคอ ...ชื่อเต้ยคับบบ...โอ้ยคนอะไรน่ารักเป็นบ้าเลย และก็มาถึงเด็กหญิงสายตาอาฆาตคนนั้นที่มองเราอย่างไม่วางตา เสียงดังดุดัน ...ชื่อน้องแอ๋มค่ะ...ดูยังไงก็หน้ากลัวนะ และก็ถึงเวลาเลิกเรียนที่ผู้ปกครองต้องมารับเราก็แอบไปนั่งใกล้ๆเต้ย ยิ้มให้เหมือนคนบ้าเลยเรา ...ส่วยเต้ยก็ยังคงนิ่งเช่นเดิม...จนคุณแม่ของเต้ยมารับ
คุณแม่เต้ย: นี่เพื่อนลูกหรอจ๊ะ
เต้ย : พยักหน้า
เรา : ยิ้ม
คุณแม่เด้ย : เพื่อนชื่ออะไรค่ะ ลูก
เต้ย :เงียบ
คุณแม่เต้ย :หนูชื่ออะไรจ๊ะ
เรา : แซน ค่ะ
คุณแม่เต้ย :น้าฝากดูเต้ยด้วยนะ
เรา : ยิ้มรับ
แม่ลูกก็เดินรัับตาไป ส่วนเราก็คุณแม่มารับพอดี แต่ยังไม่ได้กลับบ้านเดินไปหาพี่สาวพี่สาวแล้วเราก็ไปนั่งรอคุณแม่อีกที่ทำงาน ถึงได้กับบ้านตอน บ่าย 5 โมงเย็นทุกวัน
วันต่อมา เรามีเพื่อนใหม่ชื่อ ปลา เป็นชายตัวโตดูแข็งแรง เราก็เล่นกับปลาระหว่างรอเวลาทำกิจกรรมหน้าเสาธง เต้ยก็มาพอดี เรารีบวิ่งไปหาเต้ย
เต้ยหวัดดี...
เงียบ...
เอากระเป๋าไปเก็บแล้วมาเล่นของเล่นกันดิ
เต้ยเดินก้มหน้าเอากระเป๋าไปเก็บแล้วมานั่งเล่นของเล่นมี่เรา มีปลา มีเต้ย กำลังเล่นกันสนุกๆ เด็กหญิงที่หน้ากลัว ก็เดินมากลางวงมาเตะของเล่นที่เรากำลังเล่นอยู่ ปลาก็เดินหนีทันที ส่วนเต้ยก็นั่งนิ่งเหมือนจะร้องไห้ เราก็สุดจะทน
เรา :นิเธอ เธอทำแบบนี้ไม่ดีนะรู้ไหมอยากเล่นก็ขอดีๆสิ
แอ๋ม :...ไม่มีคำพูดใดๆแต่ ผลักเราจนล้มลง
เรา : นิเธอเป็นแบบนี้ไงเลยไม่มีใครอยากเล่นด้วย
แล้วเราก็รีบคว้าแขนเต้ยลุกออกจากที่ไปรอแถวครูพี่เลี้ยงดีกว่า เต้ยก็ยังคงนิ่งและเงียบอยู่เช่นเดิมแต่ดูยังไงเด็กคนนี้ก็น่ารักสำหรับเรามากๆ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้น่าเอ็นดูชะมัด เราก็ทำกิจกรรมกันอย่างเดิมจนถึงเวลานอน เด็กชายที่อ่อนโยนเดินอุ้มที่นอนมาทางเราด้วยละ โอ้ยดีใจสุดๆ...เราปูที่นอนติดโต๊ะคุณครูส่วนเต้ยก็กำลังจะปูที่นอนข้างๆเราแต่ทันใดนั้น มีที่นอนปริวว่อนมาลงที่เต้ยกำลังจะปู นั่นคือที่นอนแอ๋มนั้นเอง โคดหน้าดมโหเลยว่ะ เต้ยได้แต่นิ่งเช่นเดิมสรุปวันนี้เราก็มีแอ๋มนอนขั้นกลาง ช่างหน้าขำอะไรเช่นนี้ แต่ช่างเหอะ เราก็หลับกันไป ส่วนเราก็ยังมีแอ๋มมานอนข้างเสมอเต้ยก็ได้แต่นอนหันหัวขนกะเราอีกแถวเท่านั้นเองเป็นแบบนี้ จนขึ้นอนุบาล 3 ยังได้มาอยู่ห้องเดียวกันอีกช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้ แต่เราได้สมาชิกเพิ่มมาอีก 1 แคทสาวน้อยที่มากับความเงียบและแววตาที่แสนเศร้า
ณ ห้องอนุบาล 3 สีชมพู เรา เต้ย ปลา แอ๋ม ยังมาอยู่ห้องเดียวกันอีกจนได้ และมีเพื่อนใหม่คือแคท เรามักจะวงแตกเพราะแอ๋มกันอยู่เสมอๆ จนวันนึงเวลาพักกลางวันของเด็กอนุบาลมาถึง เรา วิ่งเล่นกันอยู่ในห้อง เป็นครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มของเต้ย เราวิ่งเล่นไล่จับกัน แคทก็มีแววตาที่ร่าเริงขึ้น ส่วนปลาก็ยังครึกครื้นเช่นเดิม เรามีความสุขเพิ่มขึ้นที่เห็นรอยยิ้มเต้ยครั้งแรก แต่เพียงเวลาไม่นาน วงแตกอยู่ๆแอ๋มวิ่งมาผลักเต้ยจนล้ม แล้ววิ่งไปแคทล้มลงเช่นกันเราเลยรีบวิ่งไปดูเต้ยกะแคท
เรา : เต้ยเป็นไรไหม เจ็บมากป่าว
เต้ย : เงียบ...ส่ายหัวไปมานิดๆ น้ำตาเริ่มมาคลอๆ
เรา : แคทละเจ็บไหม
แคท: ไม่เราไม่เป็นไร
เราโมโหแบบสุดขีดแต่ดูจากหุ่นเรากะกุ่นแอ๋มยังห่างชั้นกันไกนแต่ทำไงได้ว่ะคนโมโห
เรา : แอ๋ม นิเธอเป็นบ้าอะไรของเธอเนี้ย ทำเพื่อนแบบนี้ได้ไง
แอ๋มไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร พุ่งตรงมาหาเราทันทีกระชากคอเสื้อเราไปเหมือนว่าเราลอยได้เลยละในนาทีนั้น เหมือนว่าหัวเรากระแทกอะไรอะไรแข็งๆสักอย่างเลือดไหลออกมาจากหัว สิ่งที่หัวเราไปกระแทกคือหัวตะปูที่อยู่ขอบหน้าต่างที่เป็นที่แขวนแก้วน้ำ จากแรงฉุดกระชากลากถูเราไปทำให้เราเซจนหัวกระแทกทันใดนั้นเองครูก็กับมาที่ห้องพอดีพร้อมครูพี่เลี้ยงก็รีบพาเราไปห้องพยาบาลทำแผลทันที พอถึงเวลากับก็เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสักนิดแต่ก็ทำให้เรายิ้มได้นะแม่เต้ยมารับเต้ยแล้วอยู่ๆเต้ยก็วิ่งกับมาพร้อมอมยิ้มสีสวยงามแล้วยิ่นให้เราก็วิ่งกับไป ส่วนเราแม่มารับก็เห็นแผลที่หัวครูก็แค่บอกว่าเด็กเล่นกันแรงไปหน่อยตามประสาเด็กนั้นละค่ะ
จนเหตุการณ์เหมือนเริ่มรุนแรงขึ้น เราโดนแกล้งหนักมากจนเข้าห้องพยาบาลเป็นว่าเล่นจนคุณครูประจำห้องพยาบาลจำเราได้เลยละ จนครูต้องย้ายเราไปยังห้องอื่นแทน ยังงงๆอยู่ได้เลยว่าเราเป็นคนผิดหรือป่าวทำไมเราถึงได้เป็นคนโดนย้ายซ่ะงั้น...เราโดนย้ายมาอยู่ห้องสีส้ม ได้มาเจอเพื่อนใหม่ และก็ไม่ได้เจอเพื่อนเก่าเลย เรายังคงคิดถึงเต้ยทุกวันแต่เราไม่เจอกันเลย
เรามีเพื่อนใหม่คนนึง น่ารักมากเหมือนตุ๊กตาเลยผมเธอนี่เป็นลอนสวยเชียวละเธอชื่อเพอร์ฟูม พูดจาฉะฉานน่ารักอะไรเพียงนี้ สาวน้อยคนนี้ทำให้เราลืมเต้ยไปชั่วขณะเลยละแต่เราก็ยังไม่ถึงขึั้นเพ้อเหมือนเต้ยแต่ใจก็ชอบเพอร์ฟูมไปแล้วครึ่งใจ เราเลยเป็นเพื่อนสนิทกับเธอเพียงคนเดียวในห้องนี้ จนปิดภาคเรียน เตรียมขึ้น ป.1
วันเปิดภาคเรียน ป.1 เทอม 1 เรามา โรงเรียนตั้งแต่เวลา 7.00น. ยังไม่มีใครมาเลย...เราเลือกโต๊ะเรียนที่ติดหน้ากระดานดำเลยละ ใจก็ลุ้นจะได้เจอเพื่อนเก่าไมนะ และก็มีเพื่อนๆเริ่มมากันละแต่มีแต่เพื่อนใหม่ทั้งนั้นเลย ทันใดนั้นเอง เด็กผู้ชายที่ผิวขาวซีดมาแบบมาดนิ่ง นาทีแรกที่เห็นมองอย่างไม่ละสายตาทุกอย่างดูเหมือนสโลโมชั่นมาก...เต้ย...หัวใจเราพองโตขึ้นมาทันทีเต้ยนั่งข้างเรานะ...
เต้ยยังคงนิ่งเช่นเดิมแล้วเดินมานั่งโต๊ะข้างเรา ทำให้เราคิดถึงรอยยิ้มของเขาที่เราได้เห็นครั้งแรกถึงแม้ว่าเป็นเวลาสั้นๆแต่ยังคงจดจำได้เสมอ และคนที่ก้าวเข้ามาอีกคน แคท แคทมานั่งกะเราไหม แคทยิ้มเจื่อนๆแล้วไปนั่งแถวข้างหลังเรา ปลาก็อยู่ห้องเดียวกันอีกครั้ง แต่ดูเหมือนปลาไม่อยากเข้าก้วนเดิมละ ปลาเลือกเดินไปนั่งด้านในสุด เหลือที่นั่งว่างด้านข้างเรา 1 ตัวและเหลือโต๊ะด้านหลังสุด 1 ตัว เพอร์ฟูม มานั่งข้างเราสิว่างอยู่นะ เพอร์ฟูมมานั่งข้างเราว่างอีก1 จะได้ใครมานะ ในใจก็ลุ้น ขออย่าให้เป็นคนที่คิดเถอะนะ ปากก็คุยทักทายกะเพื่อนๆไปเรื่อย ใจก็คิดหวั่นๆ สายตาก็แอบชำเลืองมองที่ประตูมีเท้าก้าวเข้ามา กระโปรงดูเหมือนตัวใหญ่กว่าพวกเรา ....ใจเต้นแรงมาก แอ๋ม...ทุกคนเงียบกริบในพริบตา เวรกรรมอะไรว่ะเนี้ย...หนีไม่พ้นสักทีเลย
เพอร์ฟูม : แซนเป็นอะไรหรือป่าวเห็นเงียบๆไป
แซน : ไม่มีอะไรหรอกแค่หายใจไม่ทั่วท้องอะ เจอคนที่ชอบแกล้งเราจน
เราต้องโดนย้ายห้องอะ
เพอร์ฟูม : ไม่เป็นไรหรอกเราก็ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก
แซน : อืม แล้วเราก็หันไปทางเต้ย
แซน : เต้ยเป็นไรป่าว
เต้ย : ไม่อะ เขาไม่เป็นไรหรอก เสียงพูดที่ดูเยือกเย็นเช่นเคย
โชคชะตาหรือเวรกรรมอะไรนำพาเรามาอยู่ห้องเดียวกันนะ เราถูกแกล้งเช่นเดิม เอาหนังสือเราไปซ้อนบ้าง เอาร้องเท้าเราไปซ้อนบ้าง คงไม่ต้องบอกว่าฝีมือใคร ส่วนเต้ย ก็โดนแต่โดนน้อยกว่าเราหน่อย และยังไม่รวมเพื่อนๆคนอื่นๆ จนเราแทบไปสนใจแอ๋มละ ปล่อยให้เขาแกล้งเราไป ป.1 เทอม 2 เต้ยย้ายที่นั่งไปนั่งกับเพื่อนผู้ชายและดูเหมือนมีโต๊ะเพื่อนมา 1 ตัว ส่วนเพอร์ฟูมก็ยังนั่งข้างเราเช่มเดิมแคทนั่งตำแหน่งเดิม พอ เราไปทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จก็กับมาห้องนั่งประจำที่ของตัวเอง ข้างเราที่เต้ยเคยนั่งก็ว่างซ่ะงั้น และรแล้วก็ถึงเวลาคุณครูเข้าสอน แต่วันนี้คุณครูไม่ได้มาคนเดียวมีเด็กผู้ชายเดินตามหลังมาด้วย และอีกคนคงเป็นคุณแม่ของเด็กผู้ชายคนนี้แน่ๆเลย
คุณครู : อ้าวนักเรียนวันนี้มีเพื่อนใหม่มาแนะนำนะ
เด็กชาย : สวัสดีครับ ผมชื่อ วินวิน คับ ชื่อ .....
(นามสกุลกะชื่อจริงมายาวเป็นขบวนรถไฟสงสัยเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลแน่ๆ)ม
คุณแม่ : สวัสดีค่ะดิฉันชื่อ คุณครู ลิน .... จะมาเป็นครูสอนประจำที่ห้องนี้อีก คนนะค่ะ
คุณครู : อ้าวทุกคนปรบมือต้อยรับสมาชิกใหม่ค่ะ (เสียงปรบมือ) เราจะมีครู ประจำที่ห้องเราอีกคนนะค่ะ โต๊ะไหนว่างให้เพื่อนใหม่ไปนั่งด้วยนะ
เด็กชาย : ก็เดินมานั่งข้างเราเพราะมันว่างอะนะ
แซน : ยินดีที่รู้จักนะ วินวิน เราแซน ส่วนนี่เพอร์ฟูมอะ
วินวิน : ยิ้ม ...อืมเช่นกัน
ความคิดของแซน เราว่าหมอนี้ลูกผู้ดีแน่ๆเลยดูแม่เขาใส่เพรชมาจนจะเต็มตัวอยู่ละ แต่ดูวินวินเป็นเด็กเงียบ ตัวขาวเหมือนหยวกกล้วยเลย ดูเป็นลูกผู้ดีจริงๆเลย ดูเหมือนเรากะเต้ยเป็นแค่ความทรงจำไปซ่ะงั้น ส่วนเราก็ยิ่งสนิทกับเพอร์ฟูมมากขึ้น จนวันศุกร์ คุณพ่อของเพอร์ฟูมก็มารับและได้ชวนเรา
คุณพ่อ : นิหนูแซนไปเล่นที่บ้านกับเพอร์ฟูมไหมวันเสาร์เดี๋ยวพ่อจะมารับ
แซน : อืม คือหนต้องถามคุณแม่ก่อนนะค่ะ แล้วจะให้คำตอบ
คุณพ่อ : ได้สิ คุณพ่อเขียนเบอร์โทรคุณพ่อใส่กระดาษแล้วยื่นให้
เพอร์ฟูม : นิแซนไปให้ได้นะ ถ้าไม่ไปเราโกรธนะ
แซน : ได้เดี๋ยวเราโทรไปหานะ
ตกเย็นมาเรากับบ้านมาอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่พี่สาว คุณตาคุณยาย
กำลังนั่งทานข้าวกันอยู่
แซน : คุณแม่คือว่าคุณพ่อของเพอร์ฟูมชวนให้ไปเล่นบ้านเพอร์ฟูมวันพรุ่งนี้
คุณพ่อคุณแม่ก็มองหน้ากัน แล้วบอกว่า
คุณแม่ : ไปได้สิ แต่จะกับกี่โมงละ
แซน : ไม่รู้เลยอะแม่ นี่ไงเบอร์คุณพ่อของเพอร์ฟูม
คุณพ่อเป็นคนหยิบเบอร์ไปจากมือเรา แล้วไปโทรศัพท์ แล้วเดินกับมาที่โต๊ะ
คุณพ่อ : ไปตอน 08.00 น. แล้วกลับตอน 17.00น. คุณพ่อเขาจะมารับที่ หน้าโรงเรียน เดี๋ยวพ่อจะไปส่งที่หน้าโรงเรียนเองละกัน
แซน : ยิ้มหน้าบานสุดๆที่จะได้ไปบ้านเพอร์ฟูมครั้งแรก
เช้ามาคุณพ่อก็ไปส่งแซนที่หน้าโรงเรียนก่อนเวลา 5 นาทีแล้วคุณพ่อก็ยืนรอเป็นเพื่อน แล้วทันใดนั้นเองมีรถมาจอดตรงหน้าพอดี เป็นรถคุณพ่อเพอร์ฟูมนั่นเอง เพอร์ฟูมรีบลงมาจากรถมาหาแบบดีใจสุด
เพอร์ฟูม : สวัสดีค่ะคุณของแซน วันนี้ยืมตัวแซน 1 วันนะค่ะ ปะขึ้นรถกัน เถอะ
คุณพ่อเราก็พูดคุยกันกับคุณพ่อเพอร์ฟูม ฝากด้วยนร้า
คุณพ่อแซน : แซนอย่าไปซนบ้านเขานร้า
แซน : รับทราบครับผม
ใช้เวลาไม่นาน เราก็มาถึงบ้านเพอร์ฟูมสวยมาก ตกแต่งบ้านได้หน้าอยู่มากๆ
คุณแม่เพอร์ฟูมก็สวยแต่ดูเพอร์ฟูหน้าจะคล้ายคุณพ่อมากกว่านะ ผู้หญิงอะไรน่ารักน่ารักชะมัดผมก็สวยยิ้มก็สวยตัวเล็กๆหน้าทะนุถนอมสุดๆ ขณะที่กำลังฝันหวานอยู่นั้น โดนแหย่ตูดซ่ะงั้น
แซน : เฮ้ยเล่นอะไรอะเพอร์
เพอร์ฟูม :5555+++ขำสะใจมาก
แซน : ยิ้ม แล้วคิดในใจ ทำไมสาวน้อยแสนน่ารักเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน เลยละเนี้ยยู่โรงเรียนเป็นเด็กเรียบร้อยพูดจาฉะฉานแต่ทำไมอยู่บ้าน เป็นคนทะเล้นเช่นนี้ละ
คุณพ่อ : นิเพอร์ฟูมเดี๋ยวพ่อจะออกไปทำงานต่อก่อนนะอย่าพาเพื่อนซนละ คุณแม่จะคอบดูแลอยู่นี้นะ เสียงคุณพ่อตะโกนลงมาจากชั้น 2
คุณแม่ : เพอร์คะ คุกกี้ไปทานกะเพื่อนสิค่ะ
เพอร์ฟูม : ค่ะคุณแม่ เดี๋ยวหนูพาแซนไปเล่นในห้องนะ
ว่าแล้วมือนึงก็ถือจานใส่คุกกี้อีกมือก็มาคว้าอขนเรา พาเข้าห้องของเพอร์ฟูมในห้องมีโซฟาน่ารักสองตัว เตียงนอนสีชมพูหวานแหวว เข้ากับเจ้าของห้องจริง ตกแต่งห้องได้น่ารักสุดๆ โทนชมพูล้วนๆเหมาะกันเด็กสาวน่ารักอย่าเพอร์เป็นที่สุด แต่ทันใดนั้นเอง เพอร์ฟูมเข้ามาประชิดตัวผมแบบสุดๆ หน้าเราจะชนกันอยู่แล้ว ดูทุกอย่างเงียบไปหมดได้ยินเสียงลมหายใจของเราสองคน
แซน : นิเพอร์เราใกล้กันเกินไปหรือป่าวอะ แซนพูดไปพรางขยับตัวนิดๆ
เพอร์ฟูม : ไม่หรอก เสียงเริ่มเหมือนกระซิบ
(เหมือนว่าเพอร์กำลังนั่งค่อมเราอยู่ดิ้นแทบไม่ได้)
แซน : นั่งตัวแข็งทื่อไปแล้ว
ไม่มีบทสนทนา เพอร์ฟูมเริ่มเอาหน้าเข้ามาใกล้หน้าแซมทีละนิดทีละนิด แล้ว ก็...เกิดการประกบปากกันเกิดขึ้น
แซนรีบผลักตัวออกจากเพอร์ฟูม หน้าเริ่มแดงระเรื่อ เขินมากแบบบอกไม่ถูก
แต่ดูเหมือนเพอร์ฟูมจะเสียฟอร์มแบบบอกไม่ถูก
เพอร์ฟูม : แซนไม่ได้ชอบเราใช่ไหม
แซน : คือว่าเราก็ชอบเพอร์ฟูมนะ แต่ว่าเรื่องนี้เราว่าเรายังเด็กอยู่นะ
เหมือนบรรยากาศกเริ่มจะไม่ค่อยดีเท่าไร
เพอร์ฟูม : ไม่เป็นไรเราออกไปปั่นจักรยานเล่นกันดีกว่านะ
เราเป็นคนปั่นให้เพอร์ฟูมซ้อนดูเหมือนเพอร์ไม่ร่าเริงเหมือนเช่นเคยจนเวลาเที่ยง คุณแม่ของเพอร์ลงมือทำมื้อเที่ยงให้ทาน แต่ดูเหมือนคุณแม่เพอร์คอยมองเราสองคนตลอด จนแม่เพอร์เดินมาถาม
คุณแม่ : นี่เป็นอะไรกันหรือป่าวจ๊ะทำไมเงียบกันจังเลยละจ๊ะ
เพอร์ฟูม : ป่าวนิค่ะแค่เหนื่อย
แซน : ยิ้ม ...
เพอร์ยังเงียบใส่ผมอยู่ และดูเฉยชา กับผมขึ้นมา ผมเริ่มคิดละว่าผมทำอะไรผิดไปให้เธอไม่พอใจสงสัยเรื่องจูบแรกแน่ๆๆเลย
แซน : เพอร์เราขอโทษนะที่ทำให้เพอร์ไม่พอใจ แต่เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ไหม
เพอร์ฟูม : ได้สิแต่คงไม่สนิท
แซน : แต่เราก็ยังรักเพอร์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนนะ ถึงแม้ว่าเรื่องวันนี้มันเร็วไปสำหรับเรา แต่เราขอบคุณเพอร์นะที่ชวนเรามาบ้านเพอร์ เราดีใจมากนะ
แต่ดูเหมือนไม่เป็นผลเลยสักนิด จนใกล้จะถึงเวลากับ คุณพ่อเพอร์กับมาจากทำงานพอดี ปะถึงเวลาให้เพื่อนกับแล้วนะ ค่ะคนดี คุณพ่อเพอร์พูดกับเพอร์แบบน่ารักมาก แต่จนเราขึ้นรถเพอร์ไม่ยอมเดินออกมาส่งเราเลย ระหว่างทางที่นั่งรถ คุณพ่อเพอร์ก็ถามว่าเป็นอะไรหรือป่าว ก็ได้ตอบแค่ว่าไม่ได้เป็นอะไรแค่มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย คุณพ่อเพอร์บอกมีอะไรให้คุยกันเข้าใจเร็วๆนะเพอร์เขาโกรธง่ายหายเร็วนะ สู้ๆนะลูก
พอถึงวันมาเรียน เพอร์ย้ายที่นั่งไปนั่งหลังห้องเปลี่ยนเพื่อนคนใหม่ขึ้นมาแทน ดูเหมือนว่าเราคงจะต่อกันไม่ติดแล้วสินะ ...
ความคิดเห็น